ดริปวิตามิน
ผิวคือกระจกที่สะท้อนความงามและความสุขภาพของเรา แต่การดูแลผิวไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องการความสม่ำเสมอในการดูแล ดริปวิตามิน เป็นวิธีการเสริมสร้างความสุขภาพให้กับผิวจากภายใน แต่ง่ายกว่าการทาครีมหรือบำรุงผิวในรูปแบบอื่นๆ การฉีดดริปวิตามินช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับผิวในปริมาณที่สูง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ด้วยวิธีการบริโภคปกติ การฉีดดริปวิตามินแบบเฉพาะเจาะจงสามารถเพิ่มความชุ่มชื่น ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้สว่างขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น วิตามินและแร่ธาตุที่ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายยังช่วยในการบูรณาการสารอาหาร และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้คุณรู้สึกดีและมีความสุขภาพเต็มที่ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดดริปวิตามิน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์สภาพร่างกาย และเลือกสูตรที่ถูกต้องสำหรับคุณ เพื่อให้การฉีดดริปวิตามินนั้นมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด ในยุคที่สุขภาพผิวเป็นเรื่องสำคัญ เรามาทบทวนและพัฒนาวิธีการดูแลผิวของเราให้ดียิ่งขึ้นด้วยการฉีดดริปวิตามิน ก้าวข้ามขีดจำกัดของการบำรุงผิวแบบดั้งเดิม และก้าวเข้าสู่การดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพจากภายใน
ฉีดดริปวิตามิน
การฉีดดริปวิตามิน (Vitamin drip หรือ IV drip therapy) คือการให้วิตามินและเกลือแร่ผ่านทางเส้นเลือดโดยตรงผ่านการฉีดเข้าในเส้นเลือดดำ (intravenous IV) รูปแบบนี้ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้ทันทีและเต็มประสิทธิภาพมากกว่าการบริโภคผ่านทางปาก และมักถูกนำมาใช้ในการรักษาสภาวะที่ต้องการวิตามินและสารอาหารในปริมาณมากหรือเร่งด่วน
การฉีดดริปวิตามินมีการนำมาใช้ในหลายประโยชน์ ได้แก่
- เพิ่มพลังงาน
- การฟื้นฟูหลังออกกำลังกายหนัก
- ป้องกันและฟื้นฟูสภาพเมื่อตกเป็นโรค
- เสริมสร้างผิวสวย และลดริ้วรอย
- การรักษาอาการเมาค้าง
- เพิ่มระดับประสิทธิภาพในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
- ป้องกันและรักษาภาวะวิตามินขาด
การฉีดดริปวิตามินนั้นควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์และที่สถานที่ที่มีมาตรฐาน สำหรับบุคคลบางคน อาจมีข้อห้ามในการฉีดดริปวิตามิน เช่น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โรคไต หรือแพ้สารประกอบที่ใช้ในดริป ดังนั้น การฉีดดริปวิตามินควรทำภายใต้การปรึกษาและการดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัย
วิตามินฉีดผิว ประกอบด้วย
วิตามินที่ถูกฉีดเพื่อการดูแลผิวสวยมีหลายส่วนประกอบ แต่ตัวที่ได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้มากที่สุดคือ
- วิตามิน C (Ascorbic Acid) ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ลดรอยจุดด่างดำ ป้องกันและซ่อมแซมผิวจากความเสียหายจากแสงแดด และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
- กรดไฮยาลูรอนิก เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวนุ่มและยืดหยุ่น
- กรดแอลฟา ลิโปอิก (Alpha Lipoic Acid) มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดการอักเสบ
- วิตามิน B Complex: เช่น วิตามิน B5 (Pantothenic Acid) วิตามิน B6 และวิตามิน B12 ช่วยบำรุงผิว และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- กรดกรูตาไธโอน (Glutathione) มีคุณสมบัติที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดรอยจุดด่างดำ และช่วยในการขจัดสารพิษในร่างกาย
- เสริมด้วยเกลือแร่ เช่น แมกนีเซียม ซิงค์ แคลเซียม ซีลีเนียม ที่ช่วยบำรุงผิวและรักษาระบบต่าง ๆ ของร่างกาย
- อาจมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่น กรดอะมิโน แอนติออกซิแดนต์ หรือสารบำรุงอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างผิวให้สวยงาม
การฉีดวิตามินเพื่อผิวนั้นต้องพิจารณาความต้องการ สภาพผิว และปัญหาผิวของแต่ละบุคคล จึงควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการฉีดที่เหมาะสมและปลอดภัย
ประโยชน์ของการดริปวิตามิน
การฉีดดริปวิตามินหรือ Intravenous (IV) Vitamin Therapy คือการให้วิตามินและสารอาหารผ่านทางเส้นเลือดโดยตรง เป็นวิธีการที่ให้สารอาหารเข้าสู่ร่างกายได้เร็วและเต็มปริมาณ มีประโยชน์หลายประการดังต่อไปนี้
- การดูดซึมที่มีประสิทธิภาพ การฉีดดริปวิตามินผ่านเส้นเลือดช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้เต็มปริมาณโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูง
- เพิ่มพลังงาน บางสูตรของดริปวิตามินมักจะประกอบด้วยวิตามิน B Complex ที่ช่วยเพิ่มพลังงานและลดความเหนื่อยล้า
- การฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน วิตามิน C และอื่น ๆ สามารถช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น
- การบำรุงผิว การฉีดดริปวิตามินที่มีสารเสริมสร้างสำหรับผิว เช่น วิตามิน C กรดไฮยาลูรอนิก สามารถช่วยในการปรับปรุงสภาพผิว ทำให้ผิวสว่างใส ยืดหยุ่น
- การป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีในดริปวิตามินสามารถช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่าง ๆ
- การปรับสมดุลของแร่ธาตุ: เช่น แมกนีเซียม ซิงก์ และแคลเซียมที่มีผลต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
- การบำรุงร่างกายหลังการออกกำลังกาย ดริปวิตามินที่มีกรดแอมิโนสามารถช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายหนัก
- การต้านอาการเมาค้าง ดริปวิตามินสามารถช่วยลดอาการเมาค้างจากการดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่าการฉีดดริปวิตามินจะมีประโยชน์หลายประการ แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนการดำเนินการ และตรวจสอบว่าได้รับการดริปวิตามินจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน
ดริปวิตามิน ตัวไหนดี
การฉีดวิตามินเพื่อผิวสวยมีหลายตัวที่ได้รับความนิยมและแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ที่ช่วยในการปรับปรุงสภาพผิวในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้คือตัววิตามินที่นิยมในการฉีดเพื่อผิว
- วิตามิน C (Ascorbic Acid) ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ลดรอยจุดด่างดำ ป้องกันและซ่อมแซมผิวจากความเสียหายจากแสงแดด และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวกระชับ และชุ่มชื้น
- กรดไฮยาลูรอนิก ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น และลดริ้วรอย
- กรดแอลฟา ลิโปอิก (Alpha Lipoic Acid) มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว
- วิตามิน B Complex: เช่น วิตามิน B5 B6 B12 ช่วยในการบำรุงผิว, เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในผิว และส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์
- กรดกรูตาไธโอน เป็นตัวแปรปรับปรุงผิวที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ
- นาซิโทล (NAC N-Acetyl Cysteine) ช่วยบำรุงผิว และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
ตัววิตามินที่จะเลือกฉีดสำหรับผิวขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล หากสนใจในการฉีดวิตามินเพื่อผิวสวย ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ก่อนเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย
ข้อห้าม หลังการฉีดวิตามิน
การฉีดวิตามินเพื่อการดูแลผิวสวยเป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมเพราะเห็นผลเร็ว แต่หลังการฉีดยังมีข้อห้ามที่ควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้ประโยชน์จากการฉีดวิตามินเต็มที่ ดังนี้
- การดื่มแอลกอฮอล์ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีดเนื่องจากอาจทำให้การดูดซึมวิตามินลดลง
- การออกกำลังกาย ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรืออาบซาวนา ใน 24 ชั่วโมงหลังการฉีด
- สังเกตุอาการ หากพบอาการแพ้ เช่น คัน แดง บวม ปวด หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ที่จุดฉีด ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- การแตะต้อยหรือเกาจุดฉีด ควรรักษาจุดที่ฉีดให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการแตะต้อยหรือเกา
- การรับประทานอาหาร หากแพทย์หรือนักเทคนิคการแพทย์มีคำแนะนำเฉพาะเกี่ยวกับอาหารหลังการฉีดวิตามิน ควรปฏิบัติตาม
- การดื่มน้ำ การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญหลังการฉีดวิตามินเพื่อช่วยในการดูดซึมสารอาหารและการกำจัดสารพิษ
- การใช้ยา หากคุณกำลังรับประทานยาอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการฉีดวิตามิน และตรวจสอบว่ายาเหล่านั้นไม่มีการขัดแย้งกับวิตามิน
การปฏิบัติตามข้อห้ามหลังการฉีดวิตามินเพื่อผิวสวยจะช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและป้องกันภาวะที่ไม่พึงประสงค์จากการรักษา
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดวิตามินผิว
การฉีดวิตามินเพื่อผิวสวยนั้นควรมีการเตรียมตัวให้เป็นอย่างดีเพื่อให้การฉีดมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของการมีภาวะที่ไม่พึงประสงค์ ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดวิตามินผิวมีดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ ก่อนการฉีดควรปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันว่าคุณเหมาะสมสำหรับการฉีดวิตามินและได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม
- ตรวจสุขภาพ ควรทำการตรวจสุขภาพทั่วไปเพื่อยืนยันว่าร่างกายของคุณพร้อมสำหรับการรับวิตามินที่ฉีด
- ประวัติการแพ้ แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการแพ้ยาหรือวิตามินเพื่อป้องกันการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อาจมีคำแนะนำเฉพาะเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร, การดื่มน้ำ หรือยาที่ควรหยุดก่อนการฉีด
- การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอก่อนการฉีดเพื่อให้การฉีดวิตามินมีประสิทธิภาพ
- การพักผ่อน มีการพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันที่จะฉีดวิตามิน การนอนหลับที่ดีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการฟื้นฟูของร่างกาย
- เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- เลื่อนการฉีดถ้าเป็นไข้ หากคุณมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ควรเลื่อนการฉีดวิตามินไปในวันอื่น
การเตรียมตัวอย่างดีก่อนการฉีดวิตามินเพื่อผิวสวยจะช่วยให้การฉีดมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความเสี่ยงของการมีอาการแพ้หรือภาวะที่ไม่พึงประสงค์
ดริปวิตามิน ผลข้างเคียง
การฉีดดริปวิตามิน (IV Vitamin Therapy) ทำมากขึ้นในปัจจุบันและอาจเป็นวิธีการเสริมสร้างแร่ธาตุและวิตามินให้กับร่างกายในปริมาณสูงและอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ต้องระมัดระวัง
- การแพ้ บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อสารที่ถูกฉีด รวมถึงผื่น คัน หรือภาวะแพ้ร้ายแรง
- การติดเชื้อ ถ้าเครื่องมือที่ใช้ฉีดไม่ได้ทำความสะอาดหรือไม่สะอาดพอ อาจเกิดการติดเชื้อที่แผลหรือในเส้นเลือด.
- ปริมาณที่เกินปกติ การให้วิตามินหรือเกลือแร่ในปริมาณที่เกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเกินปกติ ตัวอย่างเช่น การฉีดวิตามิน C ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดภาวะท้องเสีย หรือการฉีดแมกนีเซียมเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นช้า
- ภาวะบวม ของเหลวที่ฉีดเข้าไปอาจทำให้เกิดภาวะบวมหรือแผล
- ภาวะผิดปกติของระบบหัวใจ ในบางกรณี การฉีดดริปวิตามินเกินปริมาณหรือฉีดได้เร็วเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็ว หรือความดันต่ำ
- ผลข้างเคียงจากสารที่เติมเข้าไป ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ฉีดเข้าไป ตัวอย่างเช่น กรดกรูตาไธโอนที่มีความนิยมสำหรับผิวขาวอาจทำให้เกิดภาวะบางประการ
สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดดริปวิตามิน และให้แน่ใจว่าทำการฉีดที่สถานที่ที่มีมาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย
ฉีดวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล
การฉีดวิตามินเพื่อผิว (เช่น การฉีดวิตามิน C หรือแก้ววิตามิน) เป็นการรักษาที่มีประโยชน์สำหรับผิวหน้า แต่ความถี่ในการฉีดและเวลาที่จะเริ่มเห็นผลจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
- ประเภทของวิตามิน การฉีดวิตามิน C อาจช่วยในการลดรอยจุดด่างดำ และเสริมสร้างคอลลาเจน ในขณะที่การฉีดวิตามินอื่น ๆ อาจมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน
- สภาพผิวเริ่มต้น บุคคลที่มีปัญหาผิวหนักๆ อาจต้องฉีดหลายครั้งหรือใช้เวลานานกว่าในการเห็นผลเปรียบเทียบกับผู้ที่มีปัญหาผิวน้อย
- ความเข้มข้นและปริมาณที่ฉีด การฉีดวิตามินที่มีความเข้มข้นสูงหรือปริมาณมากอาจทำให้เห็นผลเร็วขึ้น
- การรักษาร่วม บางคนอาจเลือกที่จะรวมการฉีดวิตามินกับการรักษาผิวอื่น ๆ เช่น เลเซอร์ หรือมาส์กผิว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- การดูแลหลังการฉีด การดูแลผิวหลังการฉีดวิตามินในรูปแบบที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการยืดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพของการฉีด
โดยทั่วไป หลายคนเริ่มเห็นผลหลังจากการฉีดวิตามิน 2-3 ครั้ง แต่ในบางกรณี อาจต้องฉีดมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเริ่มต้น การฉีดวิตามินควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในสถานที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
การฉีดวิตามินผิวใส ไม่เหมาะกับใคร
การฉีดวิตามินเพื่อผิวใสมีประโยชน์มากแต่มันอาจไม่เหมาะสมสำหรับทุกคน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือข้อผิดพลาดในบางสถานการณ์ การฉีดวิตามินเพื่อผิวใสอาจไม่เหมาะกับ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคไต โรคตับ หรือโรคที่ส่งผลต่อระบบการเกลือแร่และไฟฟ้าไฟฟ้าของร่างกาย
- การแพ้ บุคคลที่มีประวัติการแพ้วิตามินหรือสารประกอบอื่น ๆ ที่ใช้ในการฉีด
- การตั้งครรภ์หรือการให้นม การฉีดวิตามินในระหว่างการตั้งครรภ์หรือการให้นมยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัย ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเลือด เช่น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแตกต่อหรือเจ็บปวดได้ง่าย
- บุคคลที่กำลังรับประทานยาบางตัว ยาบางตัวอาจมีการขัดแย้งหรือการโต้ตอบกับวิตามินที่ฉีด
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ที่มีภูมิแพ้หรือสภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการฉีด เช่น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดหรือมีการเสียดสีที่จุดฉีด
ในทุกกรณี การฉีดวิตามินเพื่อผิวใสควรดำเนินการโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในสถานที่ที่มีมาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย และควรปรึกษาและวางแผนการรักษากับแพทย์ก่อนการฉีดเพื่อความปลอดภัยและเพื่อรับประโยชน์มากที่สุดจากการรักษา
การฉีดวิตามินผิวขาว อันตรายหรือไม่ มีสารอันตรายตกค้างไหม
การฉีดวิตามิน หรือ ดริปวิตามินผิวขาวใสนั้น จะทำการฉีดวิตามินผ่านทางกระแสเลือด ซึ่งหลักการจะเหมือนกับการฉีดยาทั่วไป แต่เราสามารถคุมปริมาณในการดริปผิวได้ โดยผู้ที่เข้ารับบริการนั้นจะต้องเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานความสะอาดผ่านการรับรองมาอย่างดี รวมถึงขั้นตอนในการฉีดผิว จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
หลังจากดริปวิตามินผิวแล้ว ความขาวใส จะเห็นได้ทันทีหลังจากที่ได้รับวิตามินไปแล้ว 4 สัปดาห์ หรือ อาจจะต้องใช้เวลานานมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน เพราะฉะนั้น ใครที่อยากจะมีผิวใส แบบที่ไม่ต้องทานวิตามินเยอะ ๆ แนะนำว่าให้ทำการดริปวิตามินผิวใสจะดีกว่า เพราะปลอดภัยและยังไม่มีสารอันตรายตกค้างในร่างกายด้วย แต่เมื่อได้รับวิตามินแล้ว คุณก็จะต้องดูแลตนเองให้ดีด้วย เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ และควรทากันแดดก่อนออกนอกบ้านทุกครั้ง
ดริปวิตามินผิวแล้วดูกระจ่างใสขึ้นจริงไหม
การฉีดวิตามินเพื่อผิวใสเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้เพื่อเสริมสร้างและปรับปรุงสภาพผิว หากเป็นวิตามินและสารอื่น ๆ ที่เหมาะสมสำหรับสภาพผิวของคุณ การฉีดวิตามินสามารถช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส, ลดรอยจุดด่างดำ, และปรับปรุงสภาพผิวที่เสื่อมสภาพจากการอายุ สิ่งแวดล้อม หรือปัจจัยอื่น ๆ ได้
ข้อดีที่พบจากการฉีดวิตามินเพื่อผิว ได้แก่
- การสร้างคอลลาเจน วิตามิน C เป็นตัวสำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นและลดริ้วรอย
- ลดการอักเสบ บางวิตามิน อาทิ เช่น กรดแอลฟา ลิโปอิก ช่วยลดการอักเสบบนผิว
- ป้องกันการเกิดจุดด่างดำ วิตามิน C และกรดกรูตาไธโอน (Glutathione) สามารถช่วยลดรอยจุดด่างดำและป้องกันการเกิดจุดด่างดำ
- เสริมสร้างการกำจัดของสารพิษ กรดกรูตาไธโอนช่วยในการกำจัดสารพิษภายในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การฉีดวิตามินเพื่อผิวไม่ได้เป็นวิธีการที่แก้ปัญหาที่รากฐาน หรือเป็นการรักษาอย่างถาวร และผลลัพธ์อาจแตกต่างไปตามบุคคล ยังมีหลายปัจจัยที่จะมีผลต่อผลลัพธ์ เช่น สภาพผิวเริ่มต้น อายุ การดูแลผิวในชีวิตประจำวัน และการรับประทานอาหาร
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิธีการ วิตามิน และสารอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับคุณ และเข้าใจข้อดี-ข้อเสียก่อนทำการฉีดวิตามิน
วิธีดูแลตัวเองหลังจากดริปวิตามิน
การดูแลตัวเองหลังจากฉีดวิตามินเพื่อผิวสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันภาวะไม่พึงประสงค์ วิธีดูแลหลังจากฉีดวิตามินผิวประกอบด้วย
- หลีกเลี่ยงแสงแดด หลังจากฉีดวิตามิน ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก
- ดื่มน้ำเพียงพอ การเพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มจะช่วยในการเจือจางและขับสารที่ร่างกายไม่ต้องการออกไป
- รักษาระบบภูมิคุ้มกัน กินอาหารที่มีประโยชน์และรวมถึงการเพิ่มการบริโภควิตามินและเกลือแร่จากแหล่งที่ปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ อย่าดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีดวิตามิน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ในกรณีที่แพทย์มีคำแนะนำเฉพาะ เช่น การหยุดรับประทานยาบางชนิด
- สังเกตุอาการ หากมีอาการผิดปกติหลังจากฉีดวิตามิน เช่น การแพ้ ผื่น บวม คัน หรืออาการอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการฉีด
- ดูแลสถานที่ฉีด หากมีรอยเข็มหรือรอยฉีด ควรทำความสะอาดและหลีกเลี่ยงการกระเทือนหรือเกา
การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องหลังจากฉีดวิตามินเพื่อผิวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา ลดภาวะที่ไม่พึงประสงค์ และช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฉีด
หากว่าหยุดฉีดวิตามิน ผิวจะกลับมาคล้ำอีกหรือไม่
ถ้าหากว่ามีการหยุดฉีดวิตามินผิวนั้น จะไม่ส่งผลทำให้ผิวกลับมาคล้ำอย่างแน่นอน เพราะว่าการเติมวิตามินให้ผิว จะเป็นการดูแลจากภายในโดยตรง ซึ่งจะนำ Vit C, Bit C, Amino หรือ คอลลาเจน และแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ผิวได้แบบตรงจุด จะไม่ส่งผลทำให้ผิวบาง หรือ ไวต่อแดด และยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน แนะนำว่า เมื่อได้รับการรักษาแล้ว ควรจะเข้ารับการรักษาเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ การฉีดผิวนั้น จะช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนใต้ผิว มีการเพิ่มความยืดหยุ่นได้ดีมากยิ่งขึ้น กระตุ้นการทำงานของเซลล์ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีสำหรับใครที่เป็นภูมิแพ้ หรือ ผิวแพ้ง่าย เมื่อร่างกายของคุณนั้นแข็งแรงจากภายในแล้ว ภายนอกก็จะดูสดใส และผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ไม่หมองคล้ำ และไม่โทรมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับสุขภาพของตัวคุณมาก ๆ และวิตามินจากการดริปผิว ก็คือ วิตามินตัวสำคัญที่ร่างกายต้องการด้วย
ดริปวิตามิน ราคา เริ่มต้นที่เท่าไหร่
Class Clinic คลินิกความงาม ขอนแก่น ทางเรานั้นมีการจัดโปรโมชั่นในการดริปวิตามินผิวให้กับลูกค้าทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทุกโปรแกรมทำสวยด้วยการฉีดวิตามินผิวนั้นจะลด 50% ส่วนระยะเวลาของโปรโมชั่นจะขึ้นอยู่กับาทงคลินิกกำหนด รายละเอียดของโปรโมชั่นมีดังนี้
- Class Healthy เริ่มต้นที่ 499 ลดเหลือจาก 990
- All perfect skin เริ่มต้นที่ 700 ลดเหลือจาก 1,200
- The secret Crystal เริ่มต้นที่ 1,250 ลดเหลือจาก 2,500
- The Vampire เริ่มต้นที่ 1,995 ลดเหลือจาก 3,990
อย่างไรก็ตาม โปรโมชั่นของ Class Clinic จะมีการเปลี่ยนแปลงกันทุกช่วงเทศกาล หรือ ตามระยะเวลา และเงื่อนไขที่ทางคลินิกกำหนด สามารถติดต่อสอบถามโปรโมชั่นกับทางเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา
ต้องขอบอกก่อนเลยว่า การที่จะเติมวิตามินให้กับผิวนั้น มีประโยชน์หลาย ๆ เรื่องกันเลยทีเดียว และยังสามารถจะทำให้ร่างกายของคุณนั้น มีความสดใส มีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิง หรือ คุณผู้ชาย ก็สามารถจะเข้ารับบริการได้เช่นเดียวกัน
Q&A ถาม-ตอบ ดริปวิตามิน
Q : ดริปวิตามินคืออะไร ?
A : ดริปวิตามินคือการฉีดวิตามินและแร่ธาตุเข้าสู่ระบบเลือดโดยตรงผ่านเส้นเลือด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมและเสริมสร้างร่างกาย
Q : ใครควรรับการฉีดดริปวิตามิน ?
A : บุคคลที่เกิดอาการเหนื่อยง่าย มีอาการขาดแร่ธาตุ หรือต้องการปรับปรุงสภาพผิว อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับการฉีด
Q : ดริปวิตามินมีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
A : อาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น การแพ้สารที่ฉีด การติดเชื้อ หรือภาวะเกินปกติจากวิตามินหรือแร่ธาตุที่เกินปริมาณ
Q : การฉีดดริปวิตามินสามารถทดแทนการรับประทานวิตามินผ่านปากได้หรือไม่ ?
A : ไม่สามารถทดแทนได้ 100% การฉีดดริปวิตามินเป็นการเสริมสร้างแต่ยังควรรับประทานวิตามินและแร่ธาตุจากอาหารปกติ
รีวิว
เลเซอร์ co2 การเลเซอร์เป็นเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการส่งแสงที่มีความรุนแรง และ ความเน้นสูง เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการในการรักษาหรือปรับปรุงผิวหน้า และ ตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในวงการเป็น ” เลเซอร์
ฉีดโบท็อกลดกราม เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมกว้างขวางในวงการแพทย์เสริมความงาม โดยเน้นการลดริ้วรอย และ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดบนใบหน้า ฉีดโบท็อกลดกราม (Botox Injection) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และ
หลังฉีดโบท็อก การฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาสิวขัด ริ้วรอย และการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ทำให้เกิด หลังฉีดโบท็อก การเปลี่ยนแปลงแบบไม่สม่ำเสมอของผิวหน้า แต่เหมือนกับทุกๆ การรักษาทางการแพทย์ การฉีดโบท็อกซ์ก็มีระยะเวลาการฟื้นฟูหลังการรักษา วันนี้เราจะมาทบทวนระยะเวลาการฟื้นฟูนั้น