ฟิลเลอร์
การฉีด ฟิลเลอร์ Filler เป็นวิธีการในวงการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมปริมาณให้กับริมฝีปาก การยกขึ้นของร่องแก้ม หรือเป็นการลดเลือนริ้วรอยและซ่อมแซมความไม่สมดุลของหน้าตา ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มพื้นที่ที่หายไปหรือน้อยลงเพื่อให้เห็นความกระชับ มีชีวิตชีวา และคืนความเยาว์วัยได้ดียิ่งขึ้น แต่การฉีดฟิลเลอร์ยังต้องพิจารณาถึงความปลอดภัย รู้จักผลข้างเคียง และเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยในระยะยาว
ฟิลเลอร์ คืออะไร
ฟิลเลอร์ คืออะไร (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid (HA) ที่ใช้ในการฉีดเข้าสู่ผิวหน้าหรือชั้นใต้ผิวเพื่อเติมเต็ม หรือเพิ่มปริมาณในบริเวณที่ต้องการ เช่น ริ้วรอย, แก้ม, ริมฝีปาก, หรือบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้า มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์และความสมดุลของใบหน้า ฟิลเลอร์ยังเป็นตัวช่วยในการลดเลือนริ้วรอย หรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากการเกิดวัย
ฟิลเลอร์มีหลายประเภท แต่ส่วนใหญ่ที่ใช้ในวันนี้เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตมาจาก Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่อย่างเป็นธรรมชาติในร่างกายของเรา คุณสมบัติที่ดีของ HA คือสามารถผูกน้ำได้เป็นปริมาณมาก ทำให้ฟิลเลอร์ที่ผลิตจาก HA สามารถให้ผลเติมเต็มที่ดูเป็นธรรมชาติ และยังมีประสิทธิภาพในการรักษาความชุ่มชื้นของผิว
ฟิลเลอร์ ช่วยอะไรบ้าง
ฟิลเลอร์ (Filler) ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเสริมความงามและรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเกิดวัย และรูปลักษณ์ผิวหน้า ฟิลเลอร์มีหลายประโยชน์ ดังนี้ :
ลดริ้วรอย: ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและเส้นเลือนที่เกิดจากการเกิดวัย หรือการเคลื่อนไหวบ่อยๆ ของใบหน้า เช่น ริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก, ริ้วรอยบนหน้าผาก, และริ้วรอยรอบดวงตา.
เพิ่มปริมาณแก้ม: สำหรับบุคคลที่มีแก้มแฉ่ง หรือต้องการให้หน้าดูกระชับมากขึ้น.
ปรับปรุงรูปแบบริมฝีปาก: เพิ่มปริมาณและปรับรูปลักษณ์ของริมฝีปากให้ดูเต็มมากขึ้น.
ปรับปรุงรูปลักษณ์ของจมูก: ทำให้จมูกดูโด่งขึ้น, แก้ไขความไม่สมดุลของรูปทรงจมูก.
ลดรอยฝ้า และรอยย่น: โดยการเติมเต็มบริเวณที่มีการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว.
เติมเต็มบริเวณที่มีส่วนเกินหรือซ้อน: เช่น ร่องใต้ตา.
ปรับปรุงการกระจายของไขมันบนใบหน้า: ช่วยให้หน้าดูเต็มมากขึ้นและเสมอมากขึ้น.
ปรับปรุงผิวหน้าให้เรียบเนียน: ผ่านการเติมเต็มและยืดผิว.
เป็นต้น ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านการ ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท
ฟิลเลอร์ (Filler) มีหลายประเภทที่ถูกใช้การฉีดเติมเต็มพื้นที่บนใบหน้าหรือร่างกายเพื่อความงามและการรักษาบางปัญหา ฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทดังนี้ :
ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA): เป็นฟิลเลอร์ยอดนิยมที่สุดในปัจจุบัน ซึ่ง HA เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราโดยธรรมชาติ มีความสามารถในการผูกน้ำเป็นอย่างดี และสามารถหลุดละลายได้เองเมื่อผ่านไปเรื่อยๆ
ฟิลเลอร์ Calcium Hydroxylapatite (CaHA): เป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงทนและให้ความรู้สึกแบบเป็นธรรมชาติ เช่น Radiesse เป็นต้น
ฟิลเลอร์ Poly-L-lactic Acid: เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกดูดซับได้ แต่จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น เช่น Sculptra
ฟิลเลอร์ Polymethylmethacrylate (PMMA): เป็นฟิลเลอร์แบบถาวร คือเมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะไม่หลุดละลาย เช่น Bellafill
ฟิลเลอร์ที่มาจากไขมันของตนเอง (Autologous fat injections or fat grafting): โดยนำไขมันมาจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายผ่านกระบวนการดูดไขมันแล้วนำมาฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการปรับปรุงและเสริมความงามของใบหน้าและร่างกาย:
ผลลัพธ์ทันที: หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์สามารถมองเห็นได้ทันที และผลิตภัณฑ์บางชนิดยังสามารถปรับปรุงได้ทันทีหลังการฉีด.
ไม่ต้องผ่าตัด: การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีความเสี่ยงน้อย และไม่ต้องรักษาตัวหลังการฉีดนาน.
การฟื้นฟูเร็ว: บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มักจะบวมหรือเจ็บปวดเพียงไม่กี่วัน โดยส่วนใหญ่ผู้รับการฉีดสามารถกลับมาทำกิจกรรมปกติได้ทันที.
ระยะเวลาการดูแลรักษา: ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์สามารถยืนยาวได้นานหลายเดือน หรือสามารถยืนยาวถึงหลายปีขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์
ความปลอดภัย: ฟิลเลอร์ที่ผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติ เช่น Hyaluronic Acid มักมีความปลอดภัยสูงและน่าเชื่อถือ เมื่อฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
ปรับปรุงและแก้ไขได้: บางฟิลเลอร์ เช่น ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid สามารถยืนยันผลลัพธ์หรือยกเลิกผลลัพธ์ได้โดยการฉีดสารที่ช่วยละลายฟิลเลอร์.
เพิ่มความเชื่อมั่น: การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น.
ปรับปรุงความเป็นธรรมชาติ: ฟิลเลอร์สามารถใช้ปรับปรุงรูปลักษณ์ในบริเวณที่ต้องการโดยไม่ทำให้ดูเกินจริงหรือเน้นเกินไป.
ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง
การฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถฉีดในบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าและร่างกายได้หลายบริเวณเพื่อปรับปรุงหรือเสริมความงาม บริเวณที่เป็นที่ยอดนิยมในการฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่
ฟิลเลอร์หน้าผาก
ฟิลเลอร์หน้าผากเป็นการฉีดสารเติมเต็ม (filler) ลงบนหน้าผากเพื่อลดความเห็นอยู่ของริ้วรอย, สร้างความเต็มเต็ม, และปรับปรุงรูปลักษณ์ของหน้าผากให้ดูเรียบเนียนและหน้าตาธรรมชาติขึ้น.
ประโยชน์ของฟิลเลอร์หน้าผาก:
- ลดริ้วรอยบนหน้าผากที่เกิดจากการหน้าที่ขยับและสะท้อนอารมณ์.
- ปรับปรุงรูปลักษณ์ของหน้าผากให้ดูเรียบเนียนและสุขภาพดีขึ้น.
- เพิ่มความมั่นใจและความพึงพอใจต่อการแสดงออกของตนเอง.
ข้อควรระวัง:
- ผลข้างเคียง: หลังการฉีด, อาจมีอาการเช่น บวม, รอยแดง, ความรู้สึกเจ็บปวด, หรือมีก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด.
- ความสามารถของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เนื่องจากบริเวณหน้าผากเป็นบริเวณที่มีความซับซ้อน.
- ประเภทของฟิลเลอร์: มีฟิลเลอร์หลายประเภทในตลาด, ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ.
นอกจากฟิลเลอร์, การฉีดโบท็อกซ์ยังเป็นวิธีการอื่น ๆ ที่นิยมในการรักษาริ้วรอยบนหน้าผากเนื่องจากมันช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย.
ฟิลเลอร์ขมับ
ฟิลเลอร์ขมับเป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็ม (filler) ลงในบริเวณขมับเพื่อลดลึกของขมับ, ปรับปรุงรูปลักษณ์, และทำให้บริเวณรอบ ๆ ตาดูสดใสและฉ่ำวาวขึ้น. หากริ้วรอยหรือขมับลึกเป็นเรื่องที่คุณกังวล, ฟิลเลอร์สามารถเป็นเทคนิคที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้.
ประโยชน์ของฟิลเลอร์ขมับ:
- ลดรอยฝ้าหรือขมับที่เกิดขึ้นอยู่ใต้ตา.
- ทำให้บริเวณรอบตาดูมีชีวิตชีวาและสดใสขึ้น.
- ปรับปรุงรูปลักษณ์ให้ดูเยาว์ขึ้นและฉ่ำวาว.
ข้อควรระวัง:
- ผลข้างเคียง: หลังการฉีด, อาจมีอาการเช่น บวม, รอยแดง, ความรู้สึกเจ็บปวด, หรือมีก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด.
- ความสามารถของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณขมับควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากบริเวณนี้มีความซับซ้อนและอยู่ใกล้กับเส้นเลือดสำคัญ.
- ประเภทของฟิลเลอร์: ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ.
ฟิลเลอร์แก้มส้ม
ฟิลเลอร์สำหรับแก้มส้มเป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็ม (filler) ลงในบริเวณแก้มส้มเพื่อเสริมสร้างปริมาณ, เน้นให้บริเวณนั้นมีความเต็มเต็มและสมดุลกับส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า. การฉีดฟิลเลอร์ที่แก้มส้มสามารถช่วยทำให้ใบหน้าดูเยาว์และสดใสมากขึ้น.
ประโยชน์ของฟิลเลอร์แก้มส้ม:
- เพิ่มปริมาณและความยืดหยุ่นในบริเวณแก้มส้ม
- ช่วยปรับให้ใบหน้าดูเต็มเต็มและมีความสมดุล
- เน้นและปรับปรุงรูปร่างแก้มให้ดูมีชีวิตชีวา
ข้อควรระวัง:
- ผลข้างเคียง: หลังการฉีด, อาจมีอาการเช่น บวม, รอยแดง, ความรู้สึกเจ็บปวด, หรือมีก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด.
- ความสามารถของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณแก้มส้มควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากต้องการความแม่นยำและความระมัดระวัง.
- ประเภทของฟิลเลอร์: ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ.
ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการรักษาความงามที่นิยมเพื่อปรับปรุงและลดลงของริ้วรอย, รอยฝ้า, หรือซอกใต้ตาที่มักทำให้หน้าดูเหนื่อยและแก่กว่าวัยจริง. การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณนี้ช่วยในการเติมเต็มช่องว่าง ทำให้ผิวสม่ำเสมอ, และลดรอยฝ้าหรือริ้วรอยใต้ตา.
ประโยชน์ของฟิลเลอร์ใต้ตา:
- ลดรอยฝ้า และซอกใต้ตา.
- ทำให้บริเวณใต้ตาดูเต็มเต็มและกระชับขึ้น.
- ปรับปรุงสภาพผิวใต้ตาให้ดูเรียบเนียนและสุขภาพดีขึ้น.
ข้อควรระวัง:
- ผลข้างเคียง: หลังการฉีดอาจมีบวม, รอยแดง, ความรู้สึกเจ็บปวด, หรือมีก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด.
- ความสามารถของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพราะบริเวณนี้มีหลายเส้นเลือดสำคัญ.
- ประเภทของฟิลเลอร์: มีฟิลเลอร์หลายประเภทในตลาด การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยสำคัญมาก.
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็ม (filler) ลงในบริเวณร่องแก้มเพื่อลดการลึกของร่องแก้ม, เพิ่มปริมาณในบริเวณนี้, และทำให้ใบหน้าดูเต็มเต็มและเรียบเนียนขึ้น. การขาดปริมาณในบริเวณร่องแก้มมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสียไขมันภายใต้ผิวหน้าหรือการแก่ไขมันในบริเวณนั้น.
ประโยชน์ของฟิลเลอร์ร่องแก้ม:
- การฟื้นฟูปริมาณในบริเวณร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเต็มเต็มและมีชีวิตชีวาขึ้น.
- ลดความลึกของร่องแก้มและทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น.
- การปรับปรุงความสมดุลระหว่างส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า.
ข้อควรระวัง:
- ผลข้างเคียง: หลังการฉีด, อาจมีอาการเช่น บวม, รอยแดง, ความรู้สึกเจ็บปวด, หรือมีก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด.
- ความสามารถของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณร่องแก้มควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากบริเวณนี้มีความซับซ้อน.
- ประเภทของฟิลเลอร์: ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ.
ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คางเป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็ม (filler) ลงในบริเวณคางเพื่อปรับปรุงรูปร่างและโครงสร้างของคาง. การฉีดฟิลเลอร์ที่คางสามารถช่วยเสริมสร้างปริมาณในบริเวณที่แบนหรือยุบลง, ปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าให้ดูมีความสมดุลมากขึ้น, และลดริ้วรอย.
ประโยชน์ของฟิลเลอร์คาง:
- เพิ่มปริมาณในบริเวณคางที่ขาดหายไป
- ปรับปรุงโครงสร้างและรูปร่างของคาง
- ช่วยให้ใบหน้าดูมีความสมดุลและเสมอกันมากขึ้น
- ลดการปรากฏของริ้วรอยหรือขีดข่วน
ข้อควรระวัง:
- ผลข้างเคียง: หลังการฉีด, อาจมีอาการเช่น บวม, รอยแดง, ความรู้สึกเจ็บปวด, หรือมีก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด.
- ความสามารถของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณคางควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องการความแม่นยำ.
- ประเภทของฟิลเลอร์: ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ.
ฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ปากเป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็ม (filler) ลงในบริเวณปากเพื่อเพิ่มปริมาณ, ปรับปรุงรูปลักษณ์, หรือลดริ้วรอยรอบ ๆ ปาก. มันสามารถช่วยให้ปากดูเต็มเต็มและเซ็กซี่ขึ้น, และเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุคสมัยปัจจุบัน.
ประโยชน์ของฟิลเลอร์ปาก:
- การเพิ่มปริมาณและความเต็มเต็มให้กับปาก
- การปรับปรุงและยกระดับรูปร่างของปาก
- การลดริ้วรอยหรือขีดข่วนรอบ ๆ ปาก
- ปรับปรุงการสมดุลของปากกับส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า
ข้อควรระวัง:
- ผลข้างเคียง: หลังการฉีด, อาจมีอาการเช่น บวม, รอยแดง, ความรู้สึกเจ็บปวด, หรือมีก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด.
- ความสามารถของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณปากควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นส่วนที่มีความซับซ้อนและต้องการความระมัดระวัง.
- ประเภทของฟิลเลอร์: ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ.
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม ? การใช้ฟิลเลอร์ (Filler) ในการฉีดเพื่อปรับปรุงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน แต่เช่นเดียวกับการรับการรักษาหรือทำศัลยกรรมใด ๆ มันมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง การรู้ความเสี่ยงและข้อควรระวังนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การใช้ฟิลเลอร์เป็นไปอย่างปลอดภัย ดังนั้น ความรู้ความเข้าใจและการศึกษาข้อมูลก่อนการใช้ฟิลเลอร์เป็นสิ่งที่สำคัญ และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ปลอม อันตรายอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และสามารถทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ที่รับการฉีดได้หลากหลายวิธี:
สารปนเปื้อน: ฟิลเลอร์ปลอมอาจมีสารปนเปื้อนหรือสารที่ไม่สะอาดซึ่งเมื่อฉีดเข้าร่างกายสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ, การอักเสบ หรือปัญหาอื่น ๆ
การแพ้สารประกอบ: ความปลอดภัยและคุณภาพของสารประกอบในฟิลเลอร์ปลอมอาจไม่ตรวจสอบหรือไม่ได้รับการทดสอบทางคลินิก ส่งผลให้ผู้รับการฉีดมีโอกาสสูงขึ้นในการแพ้หรือมีปัญหากับสารภายในฟิลเลอร์
ผลลัพธ์ไม่ตามที่คาดหวัง: การฉีดฟิลเลอร์ปลอมอาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ตามที่คาดหวัง หรือมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
การตีบและการกีดขวางเส้นเลือด: บางสารประกอบในฟิลเลอร์ปลอมอาจมีความหนาหรือความหนืดที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดการตีบหรือกีดขวางเส้นเลือด
การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน: ฟิลเลอร์ปลอมอาจกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับสารแปลกปลอม ส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
การตายเนื้อหรือภาวะอื่น ๆ: ในกรณีที่ร้ายแรง การฉีดฟิลเลอร์ปลอมที่มีคุณภาพต่ำอาจทำให้เกิดการตายเนื้อ หรือภาวะอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย
เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมมีความเสี่ยงมาก ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ และทำการฉีดฟิลเลอร์ที่คลินิกหรือสถานที่ที่เชื่อถือได้ และมีการรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม.
ผลข้างเคียงหลังการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์, แม้จะเป็นวิธีการรักษาเสริมความงามที่นิยมและถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง โดยผลข้างเคียงหลังการฉีดฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท: แบบชั่วคราว และแบบรุนแรง/ยาวนาน
ผลข้างเคียงชั่วคราว:
- บวมและแดง: บริเวณที่ฉีดมักจะบวมและแดงหลังการฉีด แต่มักจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
- ความรู้สึกแหบแนบ: อาจจะมีความรู้สึกแหบแนบที่บริเวณที่ฉีด
- เลือดออก: บางครั้งอาจมีการเกิดเลือดออกหรือมีรอยแผลเล็กๆ ในบริเวณที่ฉีด
- รอยฉีด: อาจมีรอยสีฟ้าหรือเขียวจากเลือดออกใต้ผิวหนัง
ผลข้างเคียงที่รุนแรง/ยาวนาน:
- ติดเชื้อ: ในบริเวณที่ฉีดอาจติดเชื้อหากเครื่องมือที่ใช้ไม่สะอาด
- ฟิลเลอร์ย้ายที่: ฟิลเลอร์อาจย้ายจากตำแหน่งที่ฉีดไปยังตำแหน่งอื่น
- การกีดขวางเส้นเลือด: ฟิลเลอร์ที่ถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือดสามารถทำให้เกิดการกีดขวางการไหลเวียนของเลือด
- การแพ้ฟิลเลอร์: การแพ้ต่อสารที่มีในฟิลเลอร์
- การตายเนื้อ: หากฟิลเลอร์กีดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังเนื้อเยื่อ, มันอาจทำให้เนื้อเยื่อนั้นตาย
ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่ในร่างกายขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงพื้นที่ที่ถูกฉีด และกิจกรรมที่ผู้รับการฉีดประกอบกิจวัตรประจำวัน หากเป็นฟิลเลอร์แบบย่อยสลายได้ (resorbable filler), ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์ยังคงอยู่ในร่างกายจะประมาณดังนี้:
ฟิลเลอร์ฐานไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid Fillers): ไฮยาลูรอนิคคือสารที่อยู่ในร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งจะย่อยสลายได้เองด้วยเวลา ฟิลเลอร์ประเภทนี้สามารถคงอยู่ได้ระหว่าง 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์เจาะเฉพาะและพื้นที่ที่ฉีด
ฟิลเลอร์ฐานแคลเซียมไฮดรอกไซเลต (Calcium Hydroxylapatite Fillers): ฟิลเลอร์ประเภทนี้มักจะอยู่ได้นานกว่า ประมาณ 12-24 เดือน
ฟิลเลอร์ฐานโพลี-แอล-แลกติก แอซิด (Poly-L-lactic Acid Fillers): ฟิลเลอร์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย สามารถคงอยู่ได้เกิน 2 ปี
ฟิลเลอร์ฐานโพลิเมทิลเมทาคริเลต (Polymethylmethacrylate Fillers or PMMA): เป็นฟิลเลอร์แบบถาวรแต่ยังมีการสลายเป็นเวลา โดยประมาณไม่ถึง 5 ปีหรือนานขึ้น
วิธีการดูฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์เป็นกระบวนการเสริมความงามที่ยอดนิยม จึงมีผลิตภัณฑ์ปลอมเข้ามาในตลาดเกือบทุกที่ การฉีดฟิลเลอร์ปลอมอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่รุนแรงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพื่อปกป้องตัวเอง, ควรรู้จักวิธีการทดสอบฟิลเลอร์แท้กับฟิลเลอร์ปลอม:
บรรจุภัณฑ์: ฟิลเลอร์แท้มักมีบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีเลขซีเรียล และมีเครื่องหมายที่ชัดเจน เช่น holographic stickers หรือ QR code ที่สามารถสแกนเพื่อตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์
ราคา: ถ้าราคาดูถูกมาก ๆ อาจเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอม แต่ไม่ควรใช้ราคาเป็นเกณฑ์เดียวในการตัดสินใจ
จุดจำหน่าย: ซื้อฟิลเลอร์ที่สถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ที่ไม่เป็นทางการ
ตรวจสอบกับผู้ผลิต: หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความแท้จริงของผลิตภัณฑ์ สามารถติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อตรวจสอบข้อมูล
ประสบการณ์ของแพทย์: ฟิลเลอร์ที่แพทย์เสนอก็ควรมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความรู้ความเข้าใจในด้านนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการใช้ฟิลเลอร์ปลอม
ส่วนประกอบและใบรับรอง: ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบ และใบรับรองการผ่านมาตรฐาน (เช่น FDA หรือสถาบันมาตรฐานการแพทย์ของแต่ละประเทศ) นั้นสำคัญ
ทั้งนี้, การเลือกใช้ฟิลเลอร์ควรพิจารณาให้รอบคอบ และปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับฟิลเลอร์แท้และปลอดภัย.
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์, มีข้อควรปฏิบัติหลายประการเพื่อเตรียมตัวและลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง. ต่อไปนี้เป็นข้อควรปฏิบัติ:
ปรึกษาแพทย์: ควรปรึกษาและแจ้งประวัติการแพ้ยาหรือวัสดุใดๆ กับแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดแพ้วัสดุฟิลเลอร์
หลีกเลี่ยงยาบางประเภท: หลีกเลี่ยงการทานยาต้านแผลเป็น (เช่น แอสไพริน) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการเลือดออกหรือรอยแผลเป็น
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดการเลือดออกและบวมเพิ่มขึ้น
หลีกเลี่ยงสินค้าบางประเภท: ควรหลีกเลี่ยงการใช้เซรั่ม ครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามิน E, โอเมก้า หรือสารประกอบที่ทำให้เลือดไม่สามารถแข็งตัวได้
ผ่อนคลาย: หากคุณรู้สึกเครียดหรือกังวลเกี่ยวกับการฉีด, ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์สามารถให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือ
ผิวที่สะอาด: ให้ทำความสะอาดและปราศจากเซรั่มหรือครีมใด ๆ ในพื้นที่ที่จะฉีด
แจ้งข้อมูล: หากมีการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ก่อนหน้านี้, ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง
การทานอาหาร: ก่อนการฉีด, ควรทานอาหารเพื่อไม่ให้รู้สึกเวียนศีรษะหรือเป็นลม
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์, การดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง. ต่อไปนี้เป็นข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์:
หลีกเลี่ยงการแตะต้อง: หลีกเลี่ยงการแตะต้องหรือนวดพื้นที่ที่ฉีดใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเลื่อนของฟิลเลอร์
ความร้อน: หลีกเลี่ยงการใช้ซาวน่า, ห้องอบ, หรือการอาบน้ำร้อนใน 1-2 วันหลังการฉีด
การออกกำลังกาย: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้ตัวร้อนใน 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด
หลีกเลี่ยงแสงแดด: หลีกเลี่ยงการเป exposed กับแสงแดดตรงและควรใช้ครีมกันแดด
ไม่ดื่มแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ใน 24 ชั่วโมงหลังการฉีด
ยาและวิตามิน: หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบไม่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และวิตามิน E เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเลือดออกหรือบวม
นอน: พยายามไม่นอนตะแคงหรือนอนซ้าย-ขวาในพื้นที่ที่ได้รับการฉีดใน 24 ชั่วโมงแรก
แต่งหน้า: ควรระวังเมื่อใช้เครื่องสำอางในพื้นที่ที่ฉีด และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอล์
การบวมและความรู้สึกเจ็บปวด: สามารถใช้แผ่นน้ำแข็งแช่เย็นเพื่อลดการบวมและความรู้สึกเจ็บปวด แต่ควรป้องกันไม่ให้น้ำแข็งแตะต้องกับผิวโดยตรง
สังเกตผลข้างเคียง: หากพบรอยแดง, บวม, หรือความรู้สึกเจ็บปวดที่มากเกินไป หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม
การฉีดฟิลเลอร์มักเกิดความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยถึงปานกลางในบางคน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ฉีด, ชนิดของฟิลเลอร์, และความอดทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล.
พื้นที่การฉีด: บางพื้นที่ของหน้าอาจมีความรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ เช่น บริเวณริมฝีปากหรือบริเวณที่มีความรู้สึกมากกว่า
การใช้ยาชา: หลายคลินิกจะใช้ครีมชาหรือสารชาตามสูตรอื่น ๆ บนพื้นที่ที่จะฉีดก่อนการฉีดเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด
เทคนิคการฉีด: แพทย์ที่มีประสบการณ์และเทคนิคการฉีดที่ดีสามารถช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวด
ฟิลเลอร์ที่มีลิดอคายน์: บางชนิดของฟิลเลอร์มีส่วนผสมของลิดอคายน์, ซึ่งเป็นยาชา, เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดระหว่างการฉีด
ความอดทนต่อความเจ็บปวด: การรู้สึกเจ็บปวดยังขึ้นอยู่กับระดับความอดทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคลด้วย
โดยสรุป, ความรู้สึกเจ็บปวดในการฉีดฟิลเลอร์มักจะเป็นเรื่องชั่วคราวและสามารถจัดการได้ด้วยการใช้ยาชาหรือเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม
ฉีดสลายฟิลเลอร์
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นกระบวนการที่ใช้สารเฉพาะเพื่อละลายและกำจัดฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปในผิวหนังก่อนหน้านี้ สารที่ใช้ในการสลายฟิลเลอร์บ่อยครั้งคือ “ไฮยาลูรอนิเดส” (Hyaluronidase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถย่อยไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ฟิลเลอร์ของชนิดนี้.
รายละเอียดของกระบวนการ:
- การประเมิน: ก่อนที่จะดำเนินการสลายฟิลเลอร์, แพทย์จะประเมินและตรวจสอบพื้นที่ที่ต้องการสลาย
- การฉีด: ไฮยาลูรอนิเดสจะถูกฉีดเข้าไปในพื้นที่ที่มีฟิลเลอร์ การฉีดจะช่วยย่อยฟิลเลอร์และช่วยให้มันดูธรรมชาติขึ้น
- การดูแลหลังการฉีด: หลังการฉีด, อาจมีการบวม, รอยแดง, หรือความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน
สิ่งที่ควรระวัง:
- การฉีดสลายฟิลเลอร์ต้องดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และรู้เท่าทันในการใช้สารสลายฟิลเลอร์ เนื่องจากหากการฉีดไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง
- การสลายฟิลเลอร์ไม่สามารถใช้กับทุกชนิดของฟิลเลอร์ ไฮยาลูรอนิเดสมักใช้สำหรับการสลายฟิลเลอร์ที่มีเป็นไฮยาลูรอนิก แอซิดเท่านั้น
ทำไมต้องการฉีดสลายฟิลเลอร์:
- ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่น่าพอใจ
- มีฟิลเลอร์หนาเกินไปหรือไม่เป็นธรรมชาติ
- เกิดผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ เช่น การอุดตันของหลอดเลือด
ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเห็นผล
การฉีดฟิลเลอร์ทำให้เห็นผลทันทีหลังการฉีดในบางกรณี, แต่การบวมและรอยแดงจากการฉีดอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงไม่ชัดเจนในช่วงแรก ๆ หลังการฉีด.
ทันทีหลังการฉีด: คุณจะสามารถเห็นการเพิ่มปริมาณและการเติมเต็มในพื้นที่ที่ฉีด, แต่อาจมีการบวม, รอยแดง, หรือรอยฝ้ายจากการฉีด ซึ่งเป็นปกติและจะหายไปในไม่กี่วัน
1-2 วันหลังการฉีด: การบวมและรอยแดงมักจะเริ่มลดลง แต่ในบางคนอาจยังคงมีอาการเหล่านี้
1-2 สัปดาห์หลังการฉีด: ในช่วงเวลานี้, ผลของฟิลเลอร์จะแสดงอย่างชัดเจน การบวมและรอยแดงจะหายไปโดยสมบูรณ์ และผิวหนังจะยืดหยุ่นดีขึ้น
ควรทราบว่าเวลาที่ใช้ในการเห็นผลและการฟื้นตัวหลังการฉีดอาจแตกต่างกันไปตามบุคคล, พื้นที่ที่ฉีด, ชนิดของฟิลเลอร์, และเทคนิคการฉีดที่ใช้. ถ้าหากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์หรือระยะเวลาการฟื้นตัว, ควรปรึกษาและสื่อสารกับแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวังและแนวทางการดูแลต่อไป.
ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี
เรื่องของฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการ, งบประมาณ, และความคาดหวังของแต่ละบุคคล รวมถึงประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ที่ปฏิบัติการฉีดเช่นกัน. แต่ละยี่ห้อของฟิลเลอร์มีคุณสมบัติ, ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่, และเน้นที่จุดเด่นที่แตกต่างกัน.
ในปีที่ผ่านมา, มียี่ห้อฟิลเลอร์หลาย ๆ ยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับและความนิยมทั่วโลก ต่อไปนี้คือยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เป็นที่นิยม:
Juvederm: เป็นฟิลเลอร์ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid). มีสูตรต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับพื้นที่แตกต่างกันบนใบหน้า.
Restylane: เช่นเดียวกับ Juvederm, Restylane มีไฮยาลูรอนิก แอซิดเป็นส่วนประกอบหลักและมีสูตรต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับพื้นที่ต่าง ๆ บนใบหน้า.
Radiesse: ทำมาจาก microspheres ของ hydroxylapatite ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง.
Sculptra: ทำมาจาก poly-L-lactic acid และทำงานโดยการกระตุ้นผิวหนังในการผลิตคอลลาเจน.
Belotero: เป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ที่มีไฮยาลูรอนิก แอซิดเป็นส่วนประกอบหลัก.
ฟิลเลอร์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เป็นฟิลเลอร์กึ่งถาวร ระยะเวลาอยู่ได้นาน 1-2 ปี เหมาะกับการที่จะนำมาฉีดเข้ากับรูปปากมากที่สุด แต่ปัจจุบันนี้ ก็ยังมีหลายรุ่นที่ทำออกมาได้ตอบโจทย์กับการเติมเต็มในส่วนต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น เพราะมีเนื้อที่แน่น เหมาะกับการฉีดปากสายฝอ มากที่สุด
ฟิลเลอร์ตัวดังจากประเทศสวีเดน ซึ่งได้ทำการออกแบบ และรับการยอมรับจากทั่วโลกเลยว่า เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะแก่การเติมเต็มบนใบหน้ามากที่สุด เน้นเฉพาะตามร่องลึกต่าง ๆ เพราะว่ามีความยืดหยุ่นดีที่สุด
ฟิลเลอร์ทางเลือกจาประเทศเกาหลี ที่เหมาะกับสาว ๆ งบน้อย หรือ ผู้ที่เพิ่งเริมลองฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง โดยทุกรุ่นที่มีนั้น คุณภาพจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ว่าจะมีค่าไฮยาลูโรนิคที่ไม่สูงมากนัก โดยจะมีด้วยกัน นำไปใช้ในการหัตถการได้ทุกรูปแบบ โดยจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 6-8 เดือน แต่นับว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยจริง และสลายได้เองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ e.p.t.q. เพราะเป็นฟิลเลอร์น้องใหม่สัญชาติเกาหลีที่พึ่งผ่านการรับรอง อย. จากไทย และกำลังเริ่มทำการตลาดในประเทศไทย เป็นฟิลเลอร์ที่มีจุดขายในเรื่องความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ของยุโรป CE 2292, KFDA และ FDA มีทั้งหมด 3 รุ่น โดยทุกรุ่นจะมียาชาผสมมาเรียบร้อย เวลาฉีดจึงช่วยให้รู้สึกสบายและไม่เจ็บ
ฉีดฟิลเลอร์ ราคาเท่าไร
การจะเริ่มฉีดฟิลเลอร์นั้น ทาง Class Clinic คลินิกความงาม ขอนแก่น จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละรุ่น ซึ่งโดยปกติแล้ว โปรโมชั่นฟิลเลอร์จะเริ่มต้นที่ 6,900 บาท กับ ซึ่งสามารถจะทำการจองคิว และปรึกษากับทางคลินิก เพื่อเข้ารับการรักษาได้เลยทันที ซึ่งราคา และโปรโมชั่น จะขึ้นอยู่นโยบายของทางคลินิก อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขต่าง ๆ หรือ ตามระยะเวลาของโปรโมชั่นทั้งหมด เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังอยากจะฉีดฟิลเลอร์ มาทำการวิเคราะห์แบบละเอียดกันก่อนดีกว่าฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ ควรใช้กับบริเวณไหนบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เนื้อฟิลเลอร์จะต้องมีความยืดหยุ่นอยู่พอสมควร ต้องไม่แข็ง และไม่นิ่มจนเกินไป เนื่องจากว่าบริเวณใต้ตา จะมีความบอบบางมาก ๆ เมื่อเติมเข้าไปแล้ว ฟิลเลอร์จะทำให้ใต้ตามีความอิ่มน้ำ และลดรอยคล้ำได้เป็นอย่างดี ส่วนรุ่นที่นิยมใช้นั้นจะเป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อ EPTQ, Restylane Vital light, และ Restylane Classic
การฉีดฟิลเลอร์ปาก การปรับรูปปากนั้นจำเป็นจะต้องใช้งานฟิลเลอร์ ที่มีความแน่น ข้น และจับตัวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูปปากแบบสายเกา หรือ สายฝอ จะต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่นเท่านั้น เพราะจะง่ายต่อการขึ้นรูปปาก โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดปากนั้น ได้แก่ Nuramis Deep, และ Juviderm
การฉีด ฟิลเลอร์หน้าผาก บริเวณหน้าผากจะมีรอยย่น และรอยยับมากกว่าที่อื่น ซึ่งสามารถเติมเต็มร่องเหล่านี้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ใบหน้ามีความเต็ม และอิ่มฟู เนื้อของฟิลเลอร์จะต้องไม่แน่นมาก มีความยืดหยุ่น แต่น้อยกว่าฟิลเลอร์ใต้ตา สำหรับยี่ห้อที่ได้รับความนิยมในการฉีดหน้าผากมากที่สุดได้แก่ Juviderm Volbella
การ ฉีดฟิลเลอร์ขมับ สำหรับท่านใด ที่มีรูปหน้าไม่เป็นรูปทรงตามความต้องการ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ บริเวณนี้จะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่แน่น และอยู่ทนนานพอสมควร เมื่อฉีดแล้วจะเห็นผลทันที และทำให้หน้าดูอ่อนกว่าวัย ยี่ห้อที่เหมาะแก่การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับนั้นมีดังนี้ Juvederm Ultra Plus, Juvederm Voluma และ Juvederm Volyme
ความแตกต่าง ฟิลเลอร์ทั้งหมด
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นวัตถุที่ใช้เพื่อเพิ่มปริมาณ, เติมเต็ม, หรือปรับปรุงรูปร่างในพื้นที่ต่าง ๆ บนใบหน้าและบางครั้งก็บนร่างกาย. ฟิลเลอร์มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและเป้าหมายการใช้งานที่แตกต่างกัน.
ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid Fillers)
- ตัวอย่างยี่ห้อ: Juvederm, Restylane, Belotero
- ไฮยาลูรอนิก แอซิด เป็นสารที่พบในผิวหนังและมีความสามารถในการยึดน้ำ
- ใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย, เส้นเลือดแดง, และเพิ่มปริมาณบนใบหน้า
คัลเซียมไฮดรอกไซอะพลาทิท (Calcium Hydroxylapatite)
- ตัวอย่างยี่ห้อ: Radiesse
- เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น
- ใช้ในการปรับปรุงพื้นที่ที่มีการสูญเสียปริมาณเช่นแก้ม
โพลีแอลแล็คติก แอซิด (Poly-L-lactic Acid)
- ตัวอย่างยี่ห้อ: Sculptra
- กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
- ใช้ในการปรับปรุงริ้วรอยและการสูญเสียปริมาณบนใบหน้า
โพลิมีทิลเมทาคริลเอท (Polymethylmethacrylate – PMMA)
- ตัวอย่างยี่ห้อ: Bellafill
- เป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและอยู่ได้นานในผิวหนัง
- ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและซอกผิวหนังที่ลึก
ฟิลเลอร์ฟาตที่ใช้จากตัวเอง (Autologous Fat)
- ไขมันถูกดึงออกมาจากบริเวณหนึ่งของร่างกาย (เช่น หน้าท้อง) แล้วนำมาฉีดเข้าในพื้นที่ที่ต้องการ
- ฟิลเลอร์นี้มักใช้เพื่อเพิ่มปริมาณในพื้นที่ที่มีการสูญเสียปริมาณเช่นแก้มหรือปาก
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงหรือปัญหาอื่น ๆ ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์:
หลีกเลี่ยงการแตะต้อย: หลีกเลี่ยงการแตะต้อยหรือกดบนพื้นที่ที่ฉีดฟิลเลอร์ใน 24 ชั่วโมงแรกเพื่อป้องกันการเลื่อนหรือกระจายของฟิลเลอร์.
ลดการเผาผลาญ: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักใน 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด.
ระวังความร้อน: หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน, การไปแซน่า, ห้องอบหรือการแสดงตัวแดดโดยตรงในวันแรกหลังการฉีด.
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดบวมและผื่นแดง.
การใช้น้ำแข็ง: ถ้าพบว่ามีบวมหรือเจ็บ, คุณสามารถใช้น้ำแข็งบีบบนพื้นที่นั้น (เป็นช่วงๆ อย่างน้อย 20 นาทีในแต่ละครั้ง) เพื่อช่วยลดการบวม.
ระวังการใช้ยา: หลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น aspirin, ibuprofen และยาต้านเกล็ดเลือดอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นหรือการเกิดฉีกเลือด.
หลีกเลี่ยงการทำวิธีการทางความงามอื่น: เช่น การทำเลเซอร์, การฉีด botox หรือการทำ microdermabrasion ในพื้นที่ที่ฉีดฟิลเลอร์จนกว่าการบวมและรอยแดงจะหายไป.
ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญอาจมีคำแนะนำเฉพาะสำหรับคุณ ดังนั้นควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด.
ติดตามสัมผัสหาแพทย์: หากคุณสังเกตุเห็นผลข้างเคียงที่ไม่ปกติหรือมีความกังวลใด ๆ หลังจากการฉีดฟิลเลอร์, ควรติดต่อแพทย์ทันที.
Q&A ถาม-ตอบ การฉีดฟิลเลอร์
Q : ฉีดฟิลเลอร์คืออะไร ?
A : ฟิลเลอร์คือสารที่ใช้ฉีดเติมเต็มพื้นที่บนใบหน้าที่มีรอยย่น, รอยฝ้า, หรือหลุม ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและมีความอ่อนเยาว์ขึ้น.
Q : ฟิลเลอร์ประกอบด้วยส่วนผสมใด ?
A : ส่วนใหญ่ของฟิลเลอร์ที่ใช้ในปัจจุบันเป็นฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดฮิยาลูรอนิกซ์ ซึ่งเป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกายของเรา มีประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว.
Q : ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนบ้าง ?
A : ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ที่หลายจุดบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา, ริ้วรอยบริเวณปาก, หน้าแก้ม, และลูกประคำ.
Q : ฉีดฟิลเลอร์มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
A : การฉีดฟิลเลอร์อาจมีผลข้างเคียงเช่น บวม, แดง, หรือเจ็บ ณ จุดที่ฉีด แต่ส่วนใหญ่จะหายไปภายในไม่กี่วัน.
Q : ฉีดฟิลเลอร์แล้วเสี่ยงต่อการแพ้หรือไม่ ?
A : กรณีการแพ้จากการฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ความเสี่ยงนั้นต่ำ การฉีดฟิลเลอร์ด้วยกรดฮิยาลูรอนิกซ์ซึ่งเป็นสารที่พบในร่างกายมนุษย์มีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อ
Q : ฉีดฟิลเลอร์แล้วต้องดูแลอย่างไร ?
A : หลีกเลี่ยงการแตะต้อยบริเวณที่ฉีด, หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน หรือการไปแซน่าในวันแรก, และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์.
Q : การฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม ?
A : มักจะมีความรู้สึกเหมือนแหย่แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้ครีมชาหรือยาชาก่อนทำการฉีดเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ.
Q : ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่ ?
A : ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์และพื้นที่ที่ฉีด.
โบท็อกซ์กรุงเทพ เลือกฉีดยังไงให้หน้าเรียวแบบปลอดภัย ที่ Class Clinic ในยุคที่ความงามกลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
รีวิว Pico Laser ขอนแก่นสาขาหอกาญ กู้หน้าพัง ลบรอยดำแบบไม่ต้องรอนาน
ลดแก้มสารคาม แบบไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับใคร? Class Clinic มีคำตอบ