หน้าบาน กรามใหญ่
Home » หน้าบาน กรามใหญ่

หน้าบาน กรามใหญ่

ปัญหาที่กวนใจสาวๆที่เป็นปัญหาหลักเลยคือ หน้าบาน กรามใหญ่ ซึ่งปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยาก เพราะปัจจุบันนี้การฉีดโบท็อกซ์ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น  เนื่องจากสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหน้าใหญ่ หน้าบาน หน้าไม่ได้รูปริ้วรอย ช่วยปรับรูปหน้าให้กระชับ ดูเรียวสวย และอ่อนกว่าวัยได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทำศัลยกรรมนั่นเอง  ปัญหาของหน้าบานนั้นมีสาเหตุหลักๆด้วยกัน คือ

  1. สาเหตุหน้าบานจากโครงกระดูก เกิดจากพันธุกรรม มีสัดส่วนโครงหน้าที่ใหญ่ตามกรรมพันธุ์ เช่น เป็นคนที่มีกระดูกขากรรไกรใหญ่ ต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด
  2. สาเหตุหน้าบานจากกล้ามเนื้อบริเวณกราม นั่นคือเนื้อบริเวณกรามขยายใหญ่ขึ้นได้จากการใช้งาน เกิดจากมีการสระสมของกล้ามเนื้อ อาจจะเพราะผู้ที่รับประทานอาหารที่ต้องออกแรงฟันบดเคี้ยว เช่น ข้าวเหนียว เนื้อที่มีความเหนียว หรือคนเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อย ๆ จึงส่งผลให้ให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นทำให้หน้าบนนั่นเอง
  3. สาเหตุจากปริมาณไขมัน เพราะบริเวณหน้ามีไขมันสะสมจำนวนมาก จึงทำให้หน้าบานได้สาเหตุเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ กรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันและการรับประทานอาหารเช่น การทานอาหารจำพวก แป้ง น้ำตาล ไขมัน ของหวาน และน้ำอัดลมเป็นจำนวนมากและสะสมมานาน
การเลือกสถานที่และเตรียมตัวแก้ไขปัญหาหน้าบาน

การเลือกสถานที่และเตรียมตัวแก้ไขปัญหาหน้าบาน

สำหรับการแก้ปัญหาในเรื่องใบหน้า ทั้งหน้าบาน ลดกราม หรือปัญหาอื่นๆนั้น  ควรให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการบริการ และเพื่อความมั่นใจควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆที่เราต้องการรับบริการในเบื้องต้นด้วย  อีกทั้งการเลือกสถานที่ให้บริการนั้นสำคัญที่สุด คือต้องเป็นคลินิกที่ได้รับมาตรฐานมีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องได้รับการตรวจวสอบมาตรฐานเป็นประจำ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้บริการและมีใบประกอบวิชาชีพถูกต้อง และสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบก่อนเลือกใช้บริการคือการดูความเห็นของบุคคลที่เคยเข้ารับบริการก่อนหน้า เพื่อความมั่นใจในการเข้ารับบริการ และจะต้องมีช่องทางติดต่อกรณีฉุกเฉินที่สามารถสอบถามข้อสงสัยกับหมอที่ทำเคสของตัวเองได้โดยตรงตลอดเวลาหากเกิดปัญหาภายหลังอีกด้วย ที่ Class Clinic คลินิกความงาม ขอนแก่น พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่าน

วิธีแก้หน้าบานที่นิยม

การแก้ไขปัญหาหน้าบานและปรับรูปหน้าให้เล็กลงและเรียวขึ้นสามารถทำได้หลายวิธี และสำหรับวิธีที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากที่สุด คือ

    1. การฉีดโบท็อกหน้าเรียว ลดกราม เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกเลือกใช้มากที่สุด เพราะรวดเร็วและเห็นผลลัพธ์ที่ดีใบหน้าดูเรียวเล็กลงสามารถแก้ปัญหาหน้าบานได้ภายใน 2 สัปดาห์เท่านั้น อีกทั้งไม่เจ็บตัวมากไม่มี รอยแผลเป็น แค่รอยแดงบริเวณฉีดเท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
    2. การทำฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า การทำฟิลเลอร์สามารถลดปัญหาหน้าบาน ปัญหารูปหน้าไม่ได้ทรง เป็นการปรับโครงสร้างใบหน้าและยังสามารถใช้สารฟิลเลอร์เติมเต็มส่วนต่างๆ  ทำให้ใบหน้านั้นดูเรียวทำให้หน้าดูสวยหวานขึ้น หน้าวีเชฟและเรียวยาวมากขึ้น
    3. การฉีดเมโสแฟลต ปรับกรอบหน้า ลดหน้า ลดเหนียง ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากและสามารถฉีดสลายไขมันได้ สามารถฉีดสลายไขมันบริเวณแก้ม ยาที่ฉีดเข้าไปจะช่วยให้ไขมันแตกตัวหรือสลายตัวและหลังจากนั้นไขมันจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
    4. การร้อยไหม การร้อยไหม เหมาะสำหรับคนที่หน้าบานและแก้มหย่อนมาก ๆ หลังทำจะเห็นผลได้ชัดเจน แก้ปัญหาหน้าบานได้อย่าดีเยี่ยม ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมมากเพราะเห็นผลเร็ว สามารถดึงแก้มที่หย่อนให้ตึงกระชับขึ้น หน้าดูเรียวขึ้นได้ทันทีหลังทำทันที
    5. การทำไฮฟูยกกระชับ เป็นการยกกระชับผิวที่สามารถลดได้ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรกโดยไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เพียงเป็นคลื่นเสียงที่มีความปลอดภัยสูง
    6. การผ่าตัด การแก้ไขโดยการผ่าตัดนั้นถือเป็นอีกตัวเลือกสุที่ผู้ประสบปัญหาจะเลือกใช้ เพราะได้รับผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว แต่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานพอสมควร
การปรับรูปหน้าให้เล็กด้วยการโบท็อก

การปรับรูปหน้าให้เล็กด้วยการโบท็อก

ปรับรูป หน้าบาน กรามใหญ่ ให้เรียวกระชับ โบท็อกลดกราม เป็นตัวเลือกแรกที่แพทย์แนะนำเพราะเป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลชัดเจนในคนที่กล้ามเนื้อกรามใหญ่ ช่วยเรื่องลดกราม กระชับกรอบหน้า ปรับรูปหน้าเรียว โดยโบท็อกจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทมีผลให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง และมีขนาดเล็กลง ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างชัดเจน และหลังฉีดโบท็อกกรามประมาณ 14 วัน จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน การฉีดโบท็อกนั้นไม่เจ็บตัวมาก ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น ฉีดเสร็จใช้ชีวิตต่อได้ตามปกติ แต่การฉีดโบท็อกนั้นก็มีข้อเสียอยู่คือผลลัพธ์ของการฉีดนั้นจะเห็นผลได้แค่ 6-8 เดือนเท่านั้น ไม่ได้เห็นผลถาวร 

เพราะฉะนั้นจะต้องฉีดซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง และถ้าหากหมอที่ไม่ชำนาญในการฉีดหรือโบท็อกปลอมและไม่ได้มาตราฐาน ก็อาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น หน้าแข็งไม่เป็นธรรมชาตนิ ยิ้มไม่สุด แก้มตอบ แก้มห้อยกว่าเดิม เป็นต้น และอย่างที่ทราบว่าโครงหน้าของคนไทยส่วนมากมักจะใช้วิธีการปรับรูปหน้าด้วยโบท็อกลดกรามได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแผลอักเสบ อีกทั้งมีราคาที่ไม่แพง  รวมไปถึงการเลือกใช้ยี่ของห้อโบท็อกและปริมาณก็มีส่วนสำคัญซึ่งขึ้นอยู่กับการประเมินและเลือกใช้จากแพทย์ผ็เชี่ยวชาญโดยตรง

การฉีดโบท็อกส์ (Botox) สามารถนำมาใช้เพื่อปรับรูปหน้าให้เล็กลงโดยเฉพาะในบริเวณขอบล่างของใบหน้า และส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการรักษากล้ามเนื้อข้างโหนก (masseter muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยวอาหาร :

  1. การฉีดกล้ามเนื้อ Masseter : การฉีดโบท็อกส์ลงในกล้ามเนื้อ masseter สามารถช่วยในการย่อขนาดของกล้ามเนื้อนี้ลง ทำให้บริเวณโหนกข้างของใบหน้าดูเล็กลง และสามารถช่วยในการลดปัญหาเรื่องการเคี้ยวอาหารอย่างแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยย่นบนโหนก

  2. ความปลอดภัย : การฉีดโบท็อกส์ในบริเวณนี้ถือว่าปลอดภัย แต่ต้องฉีดโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับผลข้างเคียง

  3. ผลการรักษา : ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกส์สามารถรักษาได้นานประมาณ 3-6 เดือน และการฉีดซ้ำอาจจำเป็นในการรักษาผลการทำให้มีความยาวนาน

  4. ข้อดีเพิ่มเติม : การฉีดโบท็อกส์ในบริเวณกล้ามเนื้อ masseter อาจช่วยลดปวดหัวเนื่องจากการบีบเคี้ยวแรง ๆ หรือปวดที่ข้อเหงือกเนื่องจากการบีบเคี้ยวที่มากเกินไป

หากคุณกำลังพิจารณาการฉีดโบท็อกส์เพื่อปรับรูปหน้าให้เล็กลง ควรปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกส์เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมและการประเมินความเสี่ยง

Q&A หน้าบาน กรามใหญ่

Q : ฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้หน้าดูเรียวควรฉีดบ่อยแค่ไหน ?

A : แนะนำให้ฉีดทุก 3-6 เดือน แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล และระยะเวลาที่โบท็อกซ์ยังคงผล

Q : การฉีดโบท็อกซ์มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?

A : ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของการฉีดโบท็อกซ์มีเช่น บวม, แดง, รอยฉีด, คัน หรืออาจมีอาการเจ็บแว้น แต่มักจะหายไปภายในไม่กี่วัน

สรุป

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้หน้าดูเรียวมากขึ้นเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในการทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนของใบหน้า โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ Masseter ที่ขากรรไกร ซึ่งเมื่อรับการฉีดจะย่อตัวและลดขนาด ทำให้หน้าดูเรียวและมีเส้นสายดีขึ้น

ผลของโบท็อกซ์มักจะเริ่มแสดงภายใน 3-7 วันหลังการฉีด และยืนยาวประมาณ 3-6 เดือน แต่ก็อาจแตกต่างกันไปตามบุคคล ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจะเป็นการบวม, แดง หรือรอยฉีดที่พื้นที่การฉีด แต่ส่วนใหญ่จะหายไปภายในไม่กี่วัน

เพื่อความปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด ควรปรึกษาและฉีดโบท็อกซ์ที่คลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

บทความ
Botox อยู่ได้นานแค่ไหน
Botox อยู่ได้นานแค่ไหน

Botox อยู่ได้นานแค่ไหน Botox เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดเลือนริ้วรอยและทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่หลายคนอาจสงสัยว่า Botox อยู่ได้นานแค่ไหน หลังจากการฉีด การรักษาด้วย Botox

อาการข้างเคียงหลังฉีด Botox และวิธีจัดการ
อาการข้างเคียงหลังฉีด Botox และวิธีจัดการ

อาการข้างเคียงหลังฉีด Botox และวิธีจัดการ การฉีด Botox เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการดูแลและฟื้นฟูสภาพผิว โดยเฉพาะในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย และการปรับรูปหน้าตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทำการฉีด

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด Botox
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด Botox

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด Botox หลังจากการฉีด Botox การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด การปฏิบัติตาม ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด Botox จะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา การปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์จะทำให้ผลลัพธ์ของ